Posts in category: Story
รัก…เหมือนดั่งคอมพิวเตอร์

รัก…เหมือนดั่ง ราคา SDRAM ที่พันทิพย์ตอนนี้ แปรผันขึ้นลงตลอด ไม่คงที่แน่นอน รัก…เหมือนดั่ง ปาล์ม(Palm) อยากมีเธอไว้ติดตัวไปทุกที่ รัก…เหมือนดั่ง Intel Pentium !!! Coppermine หากไม่ปรับตัวใช้ M/B หรือ Slocket รุ่นใหม่ คงเข้ากับเธอไม่ได้ รัก…เหมือนดั่ง Roadmap ราคาของ CPU ซึ่งเธอมีให้ฉันน้อยลงไปทุกที รัก…เหมือนกับ Internet Explorer 5 Full ที่มีปัญหา Low Resource เป็นประจำ รัก…เหมือนกับ Online บ้างก็ busy บ้างก็ easy รัก…เหมือนเขียน Java Script ที่ละเอียดอ่อน ผิดแม้นิดเดียวก็ Error รัก…เหมือนดัง Ink-jet Printer เปลืองน้ำหมึกและเสียบ่อย ดั่งรักที่รวนเร รัก…เหมือน “not enough memory” […]

ต่อสู้เพื่ออ่ะไร

หลายเดือนก่อนน้องของเพื่อนคนหนึ่งส่งเทปมาให้ เป็นเทปที่อัดจากการพูดคุยของพี่ศุ บุญเลี้ยงกับแฟนๆ ของเขาในงานสัมมนางานหนึ่ง เป็นมุมมองและความคิดของชายหนุ่มที่ไฟความฝันไม่เคยมอดคนนี้ โดยรู้ว่ากิจกรรมอย่างหนึ่งในชีวิตที่ศุบุ-เลี้ยงชอบมากและเต็มใจที่จะทำอยู่เสมอ นั่นก็คือการทำค่าย..ไม่ว่าจะเป็นค่ายเด็กหรือค่ายคนพิการ (หรือค่ายเด็กพิการ) ในเทปมีคำพูดของเขาอยู่ตอนหนึ่งที่ฟังแล้วชอบมาก พี่จุ้ย เล่าว่า ครั้งหนึ่งเขาพาเด็กไปเข้าค่าย แล้วเขาให้เด็กวิ่งแข่งกัน แต่กติกาคือ ใครเข้าเส้นชัยเป็นที่สอง-ชนะ ชายหนุ่มเล่าว่า…ผลที่เกิดขึ้นก็คือ แทนที่จะเอาชนะกัน ด้วยการเป็นคนที่เร็วที่สุดที่เข้าเส้นชัย… เด็กๆ กลับวิ่งแข่งกันอย่างสนุกสนาน มีเสียงหัวเราะเฮฮาดังขึ้นอย่างร่าเริงในหมู่ผู้แข่งขันที่ไม่ต้องการเป็นที่หนึ่ง ในชีวิตที่ผ่านมาบ่อยครั้ง เรามักถูกปลูกฝังให้เอาชนะ เพื่อขึ้นสู่การเป็นเลิศกันมาตลอด เราอยากเรียนให้ได้คะแนนดีที่สุด เราอยากสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด เราอยากเป็นคนทำงานที่เก่งที่สุด เพื่อให้เจ้านายเห็นว่า เราเยี่ยมที่สุดในบริษัท เราอยากเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จสูงสุด ฯลฯ และเมื่อตั้งเป้าอย่างนี้แล้ว เราจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุจุดหมาย โดยบ่อยครั้งที่เราหลงลืม หรือจงใจมองข้ามมันไปว่า เราได้ทำร้ายใครบ้างหรือเปล่า ? ไม่ได้หมายความว่า การแข่งเป็นสิ่งที่เลวร้ายไปซะหมด มันมีความดีอยู่บ้างในตัวของมัน อย่างน้อยก็ทำให้เราไม่เป็นคนเอื่อยเฉื่อย เดินหายใจไปวันๆ เพียงอยากให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคน ได้หยุดคิดสักนิดว่า เราสามารถที่จะแข่งขันกันโดยไม่ต้องขัดขา ว่าร้าย ผลักหลัง หรือแอบเหยียบเท้าฝ่ายตรงข้ามได้หรือไม่ ซึ่งคำตอบสำหรับคำถามนี้ คิดว่าได้อยู่แล้ว ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ไม่ก่อความเดือดร้อนให้ใคร ผลลัพธ์ได้แค่ไหนก็แค่นั้น มีไมตรีจิตรที่ดี สร้างพันธมิตรย่อมดีกว่าก่อศัตรูเป็นแน่ […]

ความรักที่ไร้ค่า

“เขา” เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่ยังคงวิ่งไล่ตามความฝัน….และยังคงค้นหาตัวเอง “เขา” เป็นเหมือนกับผู้ชายทั่วๆ ไป ไม่อ่อนหวานแต่อ่อนไหว…ไม่แข็งแรงแต่แข็งกระด้าง แสดงออกในสิ่งที่ตรงข้ามกับความต้องการของจิตใจ ไม่พูดคำว่ารัก ไม่เคยแสดงออกว่า “เขา” รัก “เธอ” สิ่งเดียวที่เขามีให้อย่างเสมอต้นเสมอปลายก็คือสายตา…และความจริงใจ “เขา” คิดว่ามันน่าจะเพียงพอแล้ว… และ “เธอ” ก็คงจะคิดเช่นเดียวกับ “เขา” ทุกครั้งที่ “เขา” คิดถึงก็มักจะพูดแต่เพียงว่า “ก็แค่อยากคุยด้วย” มันคงจะดีกว่านี้ถ้า “เขา” กล้าที่จะยอมรับกับความต้องการของหัวใจตนเอง “เธอ” เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่ต้องการใครสักคน… คนที่ “เธอ” รัก/และเป็นคนที่รัก “เธอ” “เธอ” ยังคงเชื่อมั่นและศรัทธาในความรัก และหวังว่าสักวันจะต้องเจอคนที่เกิดมาเพื่อกันและกัน “เธอ” มักจะวางตัวนิ่ง ๆ เฉย ๆ เมื่ออยู่กับ “เขา” ไม่เคยบอกว่ารู้สึกเช่นไร… สิ่งเดียวที่ “เธอ” ทำได้และทำเสมอมาคือการรอ รอให้ “เขา” เปิดโอกาสให้กับ “เธอ” และกับตัว “เขา” เอง […]

คำพ่อสอน..แม่บอกว่า

คำพ่อสอน… “… การทำให้คนอื่นรัก ยากกว่าการทำให้เกลียดมากนัก กว่าจะเป็นที่รักของใครได้ต้องใช้เวลานาน ความรักมันต้องอาศัยการซึมลึก ไม่เหมือนความเกลียดที่ทำง่ายแต่ซึมนาน เราดีใจที่รู้ว่ามีคนรักเรามากมายรอบๆตัว มันเป็นภูมิต้านทานความท้อแท้ที่ดีสำหรับเรา เป็นเกราะคุ้มภัยให้เราอุ่นใจเสมอ ลองดูสิ.. ทำให้คนรอบข้างมีความสุขเวลาที่มีเรา ถ้าเธอทำได้เขายิ้มได้..ทำให้เขาคิดถึง.. ทำให้เขาผูกพัน..เธอก็จะรู้ว่า.. นี่คือกำลังใจที่ดีที่สุด ที่ทำให้ชีวิตเรามีความหมาย ทำให้เรารักตัวเอง และทำให้เรารู้ว่า.. ลมหายใจของเรายังมีความหมายสำหรับใคร …อีกหลายคน… ” แม่สอนว่า… ” … เราควรให้คนอื่น มากกว่าการที่คอยให้แต่คนอื่นหยิบยื่นให้เรา ลองคิดดูสิ.. ถ้าเธอได้รับของขวัญจากใครสักคน ที่เธอจะรู้จัก หรือไม่รู้จัก บางทีอาจเป็นแค่สิ่งของที่ไม่มีค่าอะไรเลย แต่ความรู้สึกที่ได้รับ มันตรงกันข้ามกับราคา หรือสิ่งของที่คนอื่นหยิบยื่นให้เรามากกว่าเป็นสิบเท่า ความรู้สึกนั้นนะ ไม่ใช่แค่ดีใจที่ได้รับของขวัญนะ แต่มันเป็นความรู้สึกที่คิดว่า เขาจำมันได้หรือ เขาคิดถึงเราด้วยหรือ มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเหมือนกันนะ ถ้าเธอเป็นผู้รับ แล้วเธอเป็นผู้รู้สึกดี ขอให้เธอรู้ไว้ว่า คนที่เป็นผู้รับจากเธอ เขาก็รู้สึกดีไม่แพ้กับเธอหรอกนะ แล้วเธอจะรู้ว่าการทำให้คนอื่นมีความสุขได้ ตัวเธอเองนั่นแหล่ะที่จะมีความสุขยิ่งกว่า… ” ขอบคุณบทความดีดีจาก ไทยเมทดอทคอม

สิ่งที่ควรทำสำหรับคู่รัก

ก. เก็บคุณไว้ในใจ ข. เข้าใจคุณ ค. คอยสนับสนุน ง. ง้อคุณเมื่อรู้ว่าเขาผิด จ. จับมือคุณเมื่อคุณต้องการกำลังใจ ฉ. เฉยกับความใจร้อนของคุณ ช. ช่วยเหลือคุณ ซ. ซื่อสัตย์กับคุณ ญ. ญาติดีกับคุณเสมอ ด. เดินเคียงข้างคุณ ต. ติดตามข่าวคราวความเป็นไปของคุณ ถ. ไถ่ถามทุกข์ สุข ท. ทำให้ชีวิตคุณเปลี่ยนไป ธ. ธัมมะธัมโมกับคุณ น. นับถือคุณและน่ารักในสายตาของคุณ บ. บอกความจริงแก่คุณ ป. ปลอบใจเมื่อคุณท้อ ผ. ผายมือต้อนรับคุณเสมอ ฝ. ฝากผีฝากไข้กับคุณ พ. เพิ่มพลังให้แก่คุณ ฟ. ฟังคุณ (แม้คุณจะพูดจนน้ำไหลไฟดับก็ตาม) ภ. ภูมิใจในตัวคุณ ม. มอบสิ่งที่ดีแก่คุณ ย. ยกโทษให้กับข้อผิดพลาดของคุณ ร. รักคุณที่เป็นคุณ ล. ละเอียดอ่อนกับความรู้สึกของคุณ ว. […]

ถ้ารัก คือ…ฟัน

ถ้ารัก คือ…ฟัน รักคงมั่น คือ…ฟันแท้ รักร่อแร่ คือ…ฟันโยก รักโสโครก คือ…ฟันดำ รักถลำ คือ…ฟันเหยิน รักหมางเมิน คือ…ฟันห่าง รักร้าง คือ…ฟันหลอ รักหงิกงอ คือ…ฟันกุด รักบริสุทธิ์ คือ…ฟันขาว รักชั่วคราว คือ…ฟันปลอม รักอ่อนซ้อม คือ…ฟันร่วง รักสีม่วง คือ…ฟันเก* รักจำเจ คือ…ฟันซ้อน รักสลอน คือ…ฟันแทรก รักแรก คือ…ฟันน้ำนม รักระบม คือ…ฟันผุ รักคิกขุ คือ…ฟันกระต่าย รักสลาย คือ…ฟันหลุด รักชำรุด คือ…ฟันสึก รักเจ็บลึก คือ…ฟันคุด รักตุ๊ด คือ…ฟันหนุ่ม รักทั้งกลุ่ม คือ…ฟันหมด รักสลด คือ…ฟันพลาด รักต่างชาติ คือ…ฟันฝรั่ง รักปิดบัง คือ…ฟันชู้ รักอุดอู้ คือ…ฟันช้า รักกะฮา คือ…ฟันเล่น รักไม่เป็น […]

คิดในแง่ดี

Once there was loving couple travelling in a bus in a mountainous area. มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง เดินทางไปเที่ยวในพึ้นทีที่เป็นภูเขาด้วยรถประจำทาง They decided to get down at some place. พวกเขาตัดสินใจที่จะลงตรงไหนสักแห่งหนึ่ง After the couple got down at some place the bus moved on. หลังจากพวกเขาลงจากรถบัสแล้ว รถบัสก็เคลื่อนที่ต่อไป As the bus moved on, a huge rock fell on the bus from the mountain and crushed […]

ความรักกับหนังสือ

…อย่าตัดสินหนังสือว่าดี แค่ปกสวยๆ …อย่าบอกว่า….น่ารักเหลือเกิน แค่คุยกันหนเดียว คนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเลย…ใช่ว่าจะมีหนังสือเล่มแรกที่ชอบไม่ได้ คนที่บอกว่าจะไม่แต่งงาน…มักแซงหน้าแจกการ์ดก่อนคนอื่นเสมอ …อย่าตกใจเมื่ออ่านหนังสือระดับ Best Seller แล้วไม่ชอบ ***การชอบหนังสือสักเล่มไม่ได้หมายความว่า..หนังสือเล่มนั้น..เนื้อหาดีทุกหน้า การรู้สึกดีกับใครสักคน..ไม่จำเป็นว่า..เขาต้องไม่มีข้อเสียอะไรเลย*** …อย่าเสียดายเวลา ถ้าอ่านหนังสือบางเล่มจบแล้วพบว่า..ไม่ใช่แบบที่ชอบ จงรู้สึกดีกับการใช้เวลากับใครสักคนหนึ่งอย่างเต็มที่… เพราะอย่างน้อยที่ผ่านมา… ย่อมต้องมีช่วงเวลาที่มีความสุขอย่างแน่นอน …แม้วันหนึ่งจะรู้ว่า… เขาหรือเธอคนนั้นไม่ใช่เลยสักนิด เพราะอย่างน้อย…เราก็ได้รู้จักตัวเองมากขึ้นและพร้อมที่จะตามหาคนของเราต่อไป …การอ่านหนังสือสักเล่มต้องใช้เวลา …เราไม่สามารถรู้จักใครสักคนได้ดีตั้งแต่วันแรก …หนังสือมีสิ่งต่างๆ หลากหลายให้ศึกษา ทดลองอ่านดู…ก่อนที่จะตัดสินว่าน่าเบื่อ … บางครั้ง…สิ่งที่เราไม่เห็นประโยชน์และมองผ่านมันไป…. วันหนึ่งมันอาจจะมีค่าสำหรับเรา…แล้วในตอนจบ …ก็จะรู้ว่าหนังสือประเภทไหนเหมาะกับเราที่สุด …เหมือนกับความรัก… …ทุกครั้งที่เรามีความรักกับใครสักคนนั้น แม้ทุกอย่างจะเดินมาถึงจุดจบ …แต่คนทั้งคู่ย่อมได้รับอะไรจากสิ่งต่างๆ ที่ผ่านมาโดยไม่รู้ตัว อย่างน้อยที่สุด…ก็ได้บทเรียนที่มีค่าเพิ่มอีกบทหนึ่งบทเรียน ที่จะนำไปสร้างความรักครั้งใหม่ให้มีรากฐานที่ดีกว่าที่ผ่านมา … สำหรับฉัน “ความรัก” เปรียบเหมือน.. … การได้อ่านหนังสือหลายๆ เล่ม (อ่านทีละเล่มนะจ๊ะ) แต่ละเล่มที่ผ่านไปสอนให้ฉันเข้มแข็ง… สอนให้ฉันรู้จักโลกที่เป็นจริง… และสอนให้ฉันรู้จักใจของตัวเอง … แม้ว่าตอนจบของแต่ละเล่มจะไม่สมใจ แต่ฉันก็ไม่คิดจะหยุด ท้อ หรือกลัวที่จะค้นหา ฉันจะอ่านต่อไป… จนกว่าจะเจอ “หนังสือของฉัน” […]

คุณค่าของคำว่าเพื่อน

คุณค่าของคำว่าเพื่อน คือ สิ่งที่ช่วยให้คุณมองเห็นค่าของมิตรภาพ หากมีเพื่อนแท้แม้เพียงสักหนึ่งคน เท่ากับว่าคุณได้เติมชีวิตให้เต็มเปี่ยม ทำไมชีวิตที่มีเพื่อนช่างเป็นชีวิตที่แสนดี คุณอาจถูกทิ้งอยู่ท่ามกลางทะเลทรายซาฮารา และลมอาจพัดเอาฝุ่นทรายเข้าตา แต่คุณยังคงจำลายมือของเพื่อนที่คุณรักที่สุดได้ คุณมีใครสักคนที่บ่นให้ฟังได้เสมอ คุณใส่เสื้อผ้าที่ดูแย่ที่สุดเมื่ออยู่กับเพื่อนได้ เมื่อคุณเล่าความลับให้เพื่อนฟัง เพื่อนจะเก็บไว้เป็นความลับ เพื่อนจะไม่ถือสาหาความ แม้ว่าคุณจะโทรไปปลุกแต่เช้า เมื่อเพื่อนถามคุณว่า สบายดีหรือเปล่า? คุณไม่จำเป็นต้องตอบว่า “ สบายดี “ คุณสามารถตั้งคำถามโง่ ๆ กับเพื่อนได้ โดยที่เพื่อนไม่หัวเราะเยาะคุณ เพื่อนอยู่ข้างคุณเสมอไม่ว่ากฎหมายจะว่าอย่างไร เพื่อนจะนินทาคนอื่นในแบบที่คุณนินทาเสมอ คุณสามารถยกเลิกอาหารมื้อค่ำได้ โดยที่ไม่ถูกตัดพ้อต่อว่าจากเพื่อน เสื้อผ้าของเพื่อน ก็เหมือนเสื้อผ้าของคุณยืมใช้กันได้เสมอ ถ้าไม่มีเพื่อน สมุดจดที่อยู่ก็ว่างเปล่านะสิ เพื่อนจะไม่บ่น ถ้าคุณยืนกินอาหารในครัว แทนที่จะนั่งบนเก้าอี้ให้เรียบร้อย มิตรภาพแตกหักได้ยากกว่าชีวิตคู่ เพื่อนยอมรับคุณได้เสมอ ไม่ว่าคุณจะหนักเพิ่มขึ้นเท่าใด เพื่อนจะยังคงรักคุณเหมือนเดิม คุณไม่จำเป็นต้องนำอะไรติดไม้ติดมือไปด้วย เมื่อโผล่หน้าไปเยี่ยมเพื่อน เพื่อนสามารถกลับมาคืนดีได้หลังจากทะเลาะกัน เพื่อนจะพูดความจริง เกี่ยวกับสีผมที่คุณเพิ่งไปทำ เพื่อนจะคอยเลี้ยงลูกให้ยามที่คุณยุ่ง เพื่อนจะให้คุณยืมเงินได้ง่ายกว่าไปกู้ธนาคาร คุณหยิบของในตู้เย็นของเพื่อนมากินได้โดยไม่ต้องขออนุญาตก่อน คุณสามารถโทรชวนเพื่อนออกมาดูหนังในคืนวันเสาร์ได้โดยไม่ต้องบอกล่วงหน้า คุณสามารถนั่งเงียบๆ ไปตลอดทางโดยไม่ต้องหาเรื่องมาคุยกัน เพื่อนคือใครสักคนที่คุณสามารถหลบออกจากที่ทำงาน และไปนั่งกินกาแฟด้วยกันได้ เพื่อนจะไม่ต่อว่าถ้าคุณเลิกนัดเพราะเจอคนถูกใจ เพื่อนจะไม่ทอดทิ้งคุณแม้ขณะติดคุก […]

ใครเอาเนยแข็งของฉันไป

ที่มา: นายแพทย์สเปนเซอร์ จอห์นสัน ได้เขียนหนังสือชื่อ WHO MOVED MY CHEESE? มีเรื่องย่อว่า มีตัวละครขนาดจิ๋วอยู่ 4 ตัว วิ่งวนอยู่ในเขาวงกต ซึ่งสลับซับซ้อนแห่งหนึ่ง เพื่อเสาะหาเนยแข็งอันเป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิต ในนี้มีสองชีวิตเป็นหนู ตัวหนึ่งชื่อ “สนิฟฟ์” กับ”สเคอร์รี่” ส่วนมนุษย์แคระอีกสองคนชื่อ “เฮ็ม”กับ “ฮอว์” ทั้งสี่ชีวิตใช้เวลาในแต่ละวันในการวิ่งหาเนยแข็งในเขาวงกตนั้น เจ้าหนู สนิฟฟ์ และ สเคอร์รี่ ใช้วิธีลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ โดยใช้จมูกเป็นเครื่องนำทาง พวกมันจะจำทางที่ไม่มีเนยแข็งไว้ แล้ววิ่งไปทางอื่นจนถูกทาง ส่วนคนแคระ เฮ็ม กับ ฮอว์ ก็ใช้ความรู้และประสบการณ์ในอดีตเข้าช่วย ในที่สุดทั้ง 4 ชีวิต ได้พบกับคลังเนยแข็งขนาดใหญ่ ที่ดูเหมือนมีเนยเพียงพอที่ให้กินไปได้ตลอดชีวิต พวกเขาได้พบแหล่งอาหารอันวิเศษที่แสนสะดวกสบาย และไม่ต้องวิ่งตระเวนหาอีกต่อไป เวลาผ่านไปจนมาถึงเช้าวันหนึ่ง ทั้ง 4 ชีวิต ได้พบว่าเนยแข็งกำลังจะหมดไป เจ้า สนิฟฟ์ เห็นเช่นนั้นก็ไม่เสียเวลาวิเคราะห์ มันออกวิ่งค้นหาเนยแข็งก้อนใหม่ทันที ส่วนเจ้า สเคอร์รี่ เห็นเช่นนั้นก็วิ่งตามโดยไม่รอช้า […]