Browsing posts tagged: สังคมไทย
การประยุกต์ใช้ทฤษฎีความโกลาหลในสังคมไทย

เป็นการประยุกต์ที่แตกต่างกับวงการวิชาการโลกโดยสิ้นเชิง คือ ไม่พบการประยุกต์ในด้านวิทยาศาสตร์ หรือเศรษฐศาสตร์เลย แต่พบในด้านการอธิบายสังคม อนึ่ง การประยุกต์ใช้ทฤษฎีดังกล่าวในประเทศไทยมักเป็นไปอย่างหละหลวม กล่าวคือมักเป็นการหยิบยืมเอาเฉพาะแนวความคิดบางอย่างในทฤษฎีนี้ ไปจับกับสิ่งที่ต้องการศึกษา เช่น ระบบการเมือง หรือระบบสังคมเพื่อหามุมมองใหม่ หรือเพียงใช้ภาษาของทฤษฎีนี้เพื่อสื่อสารที่ตนต้องการจะสื่ออยู่แล้วออกมาในรูปใหม่ที่ทำให้คนฟังฉงนฉงายเท่านั้น การอ่านงานเหล่านี้จึงต้องอ่านอย่างยอมรับเงื่อนไขนี้ก่อน (มิฉะนั้นจะเกิดอาการหงุดหงิดอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับผม)ตัวอย่างของ การประยุกต์ทฤษฎีความโกลาหล ในการอธิบายสังคมไทยที่ผมพบในภาษาไทยได้แก่งานเขียนของ ชัยวัฒน์ ถิระพันธ์ และของยุค ศรีอาริยะในหนังสือ “ทฤษฎีความไร้ระเบียบ กับทางแพร่งของสังคมสยาม” ชัยวัฒน์ ถิระพันธ์ ได้ยืมแนวความคิดจากทฤษฎีความโกลาหลมาวิเคราะห์สังคมไทย โดยถือตามแนวคิดของ Ervin Laszloว่า สังคมใด ๆ ล้วนเป็นระบบพลวัตรแบบห่างไกลความสมดุล ซึ่งน่าจะมีความหมายเหมือนกับระบบแบบโกลาหลที่เรากล่าวถึงข้างต้น อย่างที่กล่าวไว้แล้วข้างต้นว่า เรายังไม่มีเครื่องมือทั่วไปใด ๆ ที่ช่วยตัดสินว่าระบบใดระบบหนึ่งเป็นระบบโกลาหลหรือไม่ การทึกทักว่าสังคมใด ๆ รวมทั้งสังคมไทยเป็นระบบแบบโกลาหล จึงเป็นการก้าวกระโดดทางความคิดที่ไม่มีหลักฐานสนับสนุน แต่ในเบื้องต้นเราอาจยอมรับมันไว้ก่อนเพื่อดูว่ามันจะนำไปสู่ข้อสรุปใดข้อสรุปหลักของชัยวัฒน์ก็คือ การชี้เตือนให้เห็นว่า ประเทศไทยกำลังอยู่ภายใต้การโจมตีของคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงลูกต่าง ๆ ทั้งในระดับโลกและภายในสังคมไทยเอง ซึ่งทำให้สังคมไทยเข้าสู่สภาพโกลาหลและกำลังอยู่ในทางแพร่ง (bifurcation) (ทางแพร่งเป็นอีกแนวความคิดหนึ่งในทฤษฎีความโกลาหล) การตัดสินใจในอนาคตอันใกล้นี้จึงมีความสำคัญ อย่างไรก็ตามข้อสรุปนี้ไม่ได้มีเนื้อหาใหม่แต่อย่างใด และสามารถสื่อออกมาได้โดยภาษาทั่วไปโดยไม่ต้องอ้างอิงกับทฤษฎีโกลาหลเลยผมมีความเห็นว่าบทความดังกล่าวก็ยังมีประโยชน์ที่ชี้ให้เห็นจุดอ่อนของทัศนะแม่บทของการคิดตามแบบเชิงเส้นและแบบกลไก เพราะทฤษฎีความโกลาหลทำให้เราตระหนักว่าธรรมชาตินั้นซับซ้อนเกินกว่าการคิดแบบเชิงเส้นจะสามารถทำความเข้าใจได้ แต่ปัญหาก็คือ ทฤษฎีความโกลาหลไม่ได้ให้ลายแทงแก่เราถึงวิธีการจัดการกับสังคมที่เป็นรูปธรรมเลย […]