เพื่อนทั่วไปไม่เคยเห็นคุณร้องไห้ เพื่อนแท้มีหัวไหล่ไว้คอยซับน้ำตาคุณ เพื่อนทั่วไปจะไม่รู้ชื่อพ่อแม่ของคุณ เพื่อนแท้จะมีเบอร์ของท่านไว้ในสมุดจดโทรศัพท์ของเขา เพื่อนทั่วไปจะถือขวดไวน์ติดมือมางานปาร์ตี้ของคุณ เพื่อนแท้จะมาแต่วันเพื่อช่วยเตรียมงาน เพื่อนทั่วไปอยากคุยกับคุณถึงปัญหาของเขา เพื่อนแท้อยากช่วยปัดเป่าปัญหาของคุณออกไป เพื่อนทั่วไปจะพิศวงในเรื่องโรแมนติกเก่าๆ เพื่อนแท้สามารถเอาเรื่องนี้มาอำคุณได้ เพื่อนทั่วไปเวลามาเยี่ยมคุณจะทำตัวเยี่ยงแขก เพื่อนแท้จะตรงรี่ไปเปิดตู้เย็นและบริการตนเอง เพื่อนทั่วไปคิดว่ามิตรภาพจบลงเมื่อเกิดการทะเลาะถกเถียง เพื่อนแท้รู้ดีว่านั่นจะมิใช่มิตรภาพ จนกว่าคุณได้เคยวิวาทกัน เพื่อนทั่วไปคาดหวังให้คุณอยู่เคียงข้างเขาเสมอ เพื่อนแท้คาดหวังที่จะอยู่เคียงคุณตลอดไป เพื่อนทั่วไปจะอ่านข้อความนี้แล้วโยนลงถังขยะ เพื่อนแท้จะเฝ้าส่งต่อๆไป จนกว่าจะมั่นใจว่ามันได้ถึงมือผู้รับ ส่งผ่านให้ใครก็ได้ที่คุณห่วงใย หากคุณได้รับมันกลับมา นั่นหมายว่าคุณได้พบเพื่อนแท้แล้ว
ไม่มีใครเกิดมาเพื่อใคร… คนทุกคนเกิดมาเพื่อเรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเอง ทำความรู้จักกับตัวเอง และรักตัวเองให้ดีที่สุด ถ้ามีใครสักคนเคยบอกรักเราและวัน หนึ่ง..เขาจากไป… จงอย่าตั้งคำถามวกวนกับตัวเองว่าเป็นเพราะอะไร แต่ให้คำตอบกับตัวเองอย่างง่ายๆว่า เพราะมันเป็นธรรมชาติ ธรรมชาติที่สุดท้าย แล้วทุกคนจะเหลือแต่ตัวเอง ไว้พูดคุยกับตัวเอง และโอบกอดตัวเองไว้ ในวัน ที่เคว้งคว้างว่างเปล่า และค้นพบว่า เราอาจเป็นมนุษย์คนสุดท้ายบนผืนโลก… วิธีเดียวที่จะทำให้เราไม่หนาวตายเพราะความเหงา นั่นก็ คือ .. การกอบเก็บความทรงจำของวันเก่าก่อนมาสุมไฟ นึกถึงรอยยิ้มที่บางคน เคย “มีให้”…. นึกถึงคำที่คนบางคนเคยบอก “รัก”… และ .. นึกถึงอ้อมกอดที่บาง คนเคย “โอบรัด”… ความอบอุ่นเหล่านั้นจะให้ให้เรารอดตาย… แม้สุด ท้าย … ภาพทุกภาพจะมอดไหม้ไปกับกองไฟกองนั้นก็ตาม อย่าหยุดที่จะหยิบยื่นความรัก ถึงแม้คุณจะไม่ได้รับมันตอบ จงยิ้มสู้และมีความอดทน…
ผมได้รับอีเมล์จากเพื่อนร่วมชั้นสมัยที่เรียนปริญญาโทบริหารธุรกิจเมื่อสามสิบปีที่แล้ว อ่านแล้วน่าสนใจครับ เขาบอกว่าให้เอาลิง 5 ตัวไว้ในห้องสี่เหลี่ยมที่มีกล้วยหอมใบเขื่องแขวนไว้ที่เพดานกลางห้อง วิธีเดียวที่จะไปถึงกล้วยหอม อันยั่วยวนใจนั้นได้ก็โดยการปีนบันไดที่ตั้งไว้กลางห้อง แต่เมื่อใดก็ตามที่ลิงตัวใดตัวหนึ่งเหยียบบันไดขั้นแรก ก็จะมีท่อฉีดน้ำเย็นจัดไปทั่วห้อง จนลิงทุกตัวหนาวสั่นแทบขาดใจ จนไม่มีลิงตัวใดอยากปีนบันไดอีก หรือแม้แต่คิดก็ยังไม่กล้า ปิดท่อฉีดน้ำและเอาลิงตัวที่ 6 เข้าไปในห้องแทนลิงตัวหนึ่งที่หนาวสั่นจนทนไม่ไหว วินาทีแรกที่มันเห็น กล้วยหอมมันก็รีบถลาเข้าหาบันได แต่ก็ถูกสะกัดกั้นอย่างโหดร้ายบ้าเลือดจากลิงรุ่นพี่ทั้งสี่ตัว จนลิงน้องใหม่ไม่กล้าเข้าไปใกล้ บันไดอีกด้วยความงุนงงและประหลาดใจยิ่งนัก….เอาลิงตัวที่ 7 เข้าไปแทนลิงเก่าอีกตัวหนึ่ง และเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นอีก เมื่อลิงน้องใหม่ล่าสุดถลาเข้าหาบันได ก็จะถูกรุมกัดอย่างเอา เป็นเอาตายจากรุ่นพี่ทุกตัวรวมทั้งลิงตัวที่ 6 ที่เพิ่งเข้าไปอยู่ใหม่ด้วยแถมยังเกรี้ยวกราดมากกว่าตัวอื่น ทั้งที่ตัวมันเองก็ยังไม่รู้เหตุผลว่าทำไมการปีนบันไดเป็นสิ่งต้องห้าม และทำไมลิงชุดเก่าจึงต้องกลัวบันไดกันขนาดนั้นแต่มันก็ยินดี ผสมโรงสหบาทาไปกับเขาด้วยและรุนแรงกว่าเสียด้วย เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นต่อไปอีกนานแสนนาน จนแม้ลิงเก่าชุดแรกจะครบเกษียณอายุ และถูกทดแทนด้วยลิงชุดใหม่ทั้งหมดแล้ว แต่ลิงรุ่นหลังก็พร้อมใจกันปกป้องบันไดกายสิทธิ์กันอย่างเหนียวแน่น นี่คือที่มาของนโยบายหรือวัฒนธรรมกิจการ (CORPORATE CULTURE) ที่พนักงานยึดถือปฏิบัติกันอย่าง เคร่งครัดและพร้อมที่จะปกป้องอย่างรุนแรง แม้จะไม่สามารถอธิบายเหตุผลหรือที่มาที่ไปของการประพฤติ (NORMS) และ การปฏิบัติ (STANDARD) ก็ตาม วัฒนธรรมกิจการเกิดจากคนและหน่วยงานภายในกิจการนั้น คนเราจะมีข้อสมมุติ (ASSUMPTION) ทัศนคติ (ATTITUDE) ค่านิยม (VALUE) และความคาดหวัง (EXPECTATION) […]
ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง เป็นหมู่บ้านที่น่าอยู่ แต่น่าเสียดายที่มีปัญหาอยู่ว่าหมู่บ้านจะขาดน้ำหากฝนไม่ตก เพื่อแก้ ปัญหานี้ กรรมการหมู่บ้านจึงประกาศหาคนรับจ้างขนส่งน้ำมาให้คนใน หมู่บ้านใช้ ชายหนุ่มสองคนเสนอตัวเข้ารับงานนี้ กรรมการหมู่บ้านตกลง ทำสัญญากับคนทั้งสอง โดยหวังว่าเขาสองคนจะได้แข่งขันกันทำงานและ รักษาราคาให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ทันทีที่ได้รับการว่าจ้าง เอ็ด…ชายคนแรกรีบวิ่งไปซื้อกระป๋องตักน้ำมา 2 ใบ แล้วรีบตักน้ำจากลำธารมาใส่ถังคอนกรีตให้คนในหมู่บ้านไว้ใช้ในทันที ทุกๆ เช้าเขาจะรีบตื่นก่อนคนอื่นๆ เพื่อดูแลให้มีน้ำในถังเพียงพอสำหรับคนในหมู่บ้าน แม้งานจะหนักแต่เอ็ดก็มีความสุข เพราะมีเพียงเขาและชายอีกคนหนึ่งเท่านั้นที่ได้งานนี้ ชายคนที่สอง บิล…หายตัวไปเป็นเดือน ซึ่งทำให้เอ็ดดีใจมากเพราะไม่ต้อง แบ่งงานให้ใคร และได้รับรายได้เต็มๆ เพียงลำพัง แทนที่จะวิ่งไปซื้อถังน้ำ บิลเตรียมเขียนแผนธุรกิจ จัดตั้งบริษัทหาผู้ร่วมทุน จ้างผู้จัดการ และกลับมาพร้อมทีมงานก่อสร้างใน 6 เดือนต่อมา เขาใช้เวลาหนึ่งปี สร้างท่อน้ำสแตนเลสขนาดใหญ่ เชื่อมต่อระหว่างลำธารเข้าหมู่บ้าน ในงานวันเปิดท่อน้ำ บิลประกาศว่าน้ำของเขาสะอาดกว่าน้ำของเอ็ด เพราะบิลรู้ว่ามีคนบ่นเรื่องคุณภาพน้ำ ที่เอ็ดขนมาเสมอๆ นอกจากนี้บิลยังแจ้งว่าเขาสามารถทำให้ทุกคนมีน้ำ ใช้ตลอด24ช.ม. และตลอดเจ็ดวันอีกด้วย ขณะที่เอ็ดส่งน้ำให้หมู่บ้านได้เฉพาะวันทำ การเพราะเขาหยุดทำงานวันเสาร์อาทิตย์ สุดท้ายบิลประกาศว่าเขาจะเก็บค่าน้ำถูกกว่าเอ็ด ร้อยละ 75 โดยที่ทุกคนจะได้นำคุณภาพดีกว่า สิ้นเสียงบิลทุกคนปรี่กันเข้าไปที่ก็อกน้ำจากท่อที่บิลสร้าง เอ็ดพยายามที่จะแข่งขันกับบิลด้วยการลดราคาลงร้อยละ 75 […]
วันหนึ่งเมื่อยังเด็ก แอนดี้น้องชายของฉันนั่งอยู่ที่มุมห้องนั่งเล่น ในมือข้างหนึ่งมีปากกาหนึ่งด้าม ขณะที่ในมืออีกข้างหนึ่งก็ถือหนังสือสะสมราคาแพงของพ่อ แอนดี้คงจะปีนขึ้นไปหยิบจากบนชั้นหนังสือ เมื่อพ่อเดินเข้ามาในห้อง แอนดี้ก็ก้มหน้างุดและทำท่ากระสับกระส่าย เขารู้ตัวดีเชียวละว่ากำลังทำผิด แม้จากระยะไกล ฉันก็เห็นรอยขีดเขียนเปรอะไปทั่วบนหน้าหนังสือของพ่อ และตอนนี้แอนดี้ก็กำลังจ้องมองพ่อตาโตด้วยความหวาดหวั่น รอคอยที่จะถูกทำโทษ พ่อหยิบหนังสือขึ้นมามอง แล้วก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้โดยไม่พูดอะไรสักคำ หนังสือทุกเล่มมีความหมายต่อพ่อมาก หนังสือคือความรู้ และหนังสือเล่มนี้ก็เป็นหนังสือสะสมราคาแพง แต่ในขณะเดียวกันท่านก็เป็นพ่อที่รักลูกมาก สิ่งที่พ่อทำในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านั้นยอดเยี่ยมมาก แทนที่ท่านจะลงโทษหรือดุแอนดี้ หรือแม้แต่ตำหนิความซุกซน พ่อกลับนั่งลง หยิบปากกาในมือแอนดี้ขึ้นมาถือไว้ แล้วก็เขียนอะไรบางอย่างลงในหน้าหนังสือสือสะสมราคาแพงนั่นเสียเอง พ่อเขียนที่ข้างๆ ลายเส้นที่แอนดี้ขีดว่า “ภาษาของแอนดี้ เมื่ออายุสองขวบ ต่อไปนี้ ไม่ว่าครั้งไหนที่พ่อหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเปิด พ่อก็จะเห็นใบหน้าน้อยๆ ที่น่ารักและดวงตาที่สดใสของลูก และจะขอบคุณพระเจ้าที่ประทานเด็กน้อยคนนี้มาให้ขีดเขียนบนหนังสือแสนหวงของพ่อ ลูกทำให้หนังสือเล่มนี้ของพ่อมีความหมาย เหมือนกับที่พี่ๆ ของลูกนำความหมายมาสู่ชีวิตของพ่อเหมือนกัน” “ว้าว…” ฉันคิด นี่หรือคือการลงโทษของพ่อ? นานๆ ครั้งฉันก็จะหยิบหนังสือที่สะสมไว้มาให้ลูกหลานของฉันขีดเขียนเล่น ทุกครั้งที่มองดูลายมือหยุกหยิกเหล่านั้น ฉันก็จะนึกถึงสิ่งที่พ่อทำในวันนั้น พ่อได้สอนให้ฉันรู้ว่า…’อะไรกันแน่ที่มีค่าต่อชีวิตของเราอย่างแท้จริง’ ซึ่งนั่นก็คือ ‘คนที่เรารัก ไม่ใช่วัตถุสิ่งของ’ ลองมองย้อนดูตัวคุณเองนะคะ ในแต่ละวัน เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้อยู่เสมอ เช่นคุณนั่งกินข้าวกับภรรยาอยู่ที่ร้านอาหาร เธอหวังดีอยากจะเทซอสให้คุณ แต่มันกลับหกไปเลอะเสื้อตัวเก่งของคุณ และคุณก็ทำสีหน้าที่ตำหนิเธอและคำพูดที่บอกว่า “เดี๋ยวผมเทเองก็ได้” […]
สูตรที่จะยืดอายุให้ยืนนาน มีข้อมูลหลายอย่างอาจถึงที่สามารถปฏิบัติจนถึงอายุ 60 ปี ได้สบาย โดยสูตรง่ายๆ ดังนี้ 1. ทานวิตามินซี จาก UCLA แนะว่า คนรับประทาน Vit c 300 mg. อายุจะเพิ่มได้ 5 ปี มากกว่าคนที่รับวิตามินน้อยกว่าจำนวน 5 Mg. ซึ่งเราสามารถรับวิตามินได้จากผัก และผลไม้ 2. โคเลสเตอรอลสูง ให้ระวังไขมันโคเลสเตอรอลให้ต่ำกว่า 200 จะเพิ่มอายุได้ 4 ปี โดยเฉพาะผู้ที่สามารถลดจากโคเลสเตอรอล 300 ลงเหลือ 200 3. ฝึกหายใจทางปาก ขณะมีกิจกรรม การหายใจทางจมูกไม่ได้มีบางอย่างอุดกั้นจมูกอยู่ ก็ต้องใช้ปากหายใจแทน จึงจำต้องฝึกฝนให้ชำนาญ ให้หายใจทางปากได้อย่างคล่องแคล่ว กิจกรรมการออกกำลังกายขณะมีเพศสัมพันธ์จึงจะต่อเนื่องได้ ทำให้สมอง และหัวใจไม่ขาดออกซิเจน จะต่ออายุได้อีก 2 ปี มากขึ้นกว่าผู้ที่กลั้นลมหายใจจนขาดออกซิเจน 4. ตรวจลำไส้ใหญ่ ตรวจลำไส้ใหญ่เพิ่มอายุได้ 2-3 ปี […]
บนฟ้ามีดวงดาวมากมายนั้นก็เพื่อให้คู่รักนอนนับดาวด้วยกันและการที่ลมหนาว พัดผ่านมาเพื่อพิสูจน์ความอบอุ่นในใจของคนทั้งสอง …….. ฉันกำลังเดินทางตามหาสิ่งนั้นสิ่งที่เรียกกันว่า “ความรัก” ฉันตามหามันมานานเหลือเกิน เกือบครึ่งชีวิตแล้วสินะที่หามันแต่ก็ยังคงไม่เจอสักที อยากหาใครสักคนที่เข้าใจความหมายของความรู้สึกเหล่านั้น ดังนั้นฉันจึงเริ่มออกเดินทางบนเส้นทาง แห่งความโหยหาที่มีทั้งความสุข ความเศร้า และความเหงา ทำไมถึงไม่เจอสักทีผ่านมาหลายสิ่งมากมายมีทั้งใช่และไม่ใช่ เมื่อเราใช่แต่อีกฝ่ายกลับว่าไม่ใช่ แต่ใยเวลาเราว่าไม่ใช่ทำไมอีกฝ่ายถึงว่าใช่ สิ่งนี้นี่เองที่ทำให้เราอยากรู้ว่าความรัก คืออะไรกันแน่ บ้างก็ว่าความรักคือการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน แต่ฉันคิดว่าไม่ใช่เพราะทุกคนเมื่อให้แล้วก็ต้องหวังสิ่งตอบแทน แต่สิ่งตอบแทนของความรักคือความสุขที่ได้ทำเพื่อใครสักคนที่เรารัก บนหนทางนี้ฉันได้เรียนรู้อีกอย่างว่าความรักไม่ใช่การแสดง ความเป็นเจ้าของ เราต้องรักในสิ่งที่เป็นไม่ใช่รักในสิ่งที่อยากให้เป็น ฉันได้พานพบผู้คนมากมายที่หลงทางไปกับสิ่งนี้ การแสดง ความเป็นเจ้าของทำให้เขาต้องแยกจากกัน จงตระหนักไว้ว่าทุกคนมีชีวิตเป็นของตนเองและคงไม่มีใครอยากเอาชีวิตของตนเอง ไปผูกติดกับใคร คนเหล่านั้นต้องการคนเคียงข้างก้าวไปพร้อมกันบนเส้นทางแห่งชีวิตด้วยความเข้าใจมีคนคอยให้กำลังใจเป็น เพื่อนคู่คิดยามไม่มีใคร หากความเข้าใจกับความรักเดินไปด้วยกันบนหนทางแห่งนี้จะราบรื่นและคงจะไม่มีใครเจ็บเพราะมันอีก วันนี้ฉันได้เดินทางมาถึงจุดจุดหนึ่งบนเส้นทางที่ยาวไกลนี้ ฉันพบแล้วคนที่จะเคียงข้างยามมีดาวเต็มท้องฟ้า อ้อมแขนที่อบอุ่นยาม ลมหนาวพัดผ่าน คนที่ฉันพร้อมจะให้อย่างมีความสุข คนที่เฝ้ารอที่จะก้าวไปหาฝันพร้อมกัน บนหนทางที่เงียบเหงาแห่งนี้ฉันคงจะ ไม่เงียบเหงาอีกต่อไป ฉันหวังว่านี่คงเป็นปลายทางของหนทางแห่งนี้ที่เค้าเรียกกันว่า “หนทางแห่งความรัก”
1. เมื่อเด็กกำลังเติบโตเป็นวัยรุ่น มีความต้องการเป็นตัวของตัวเองสูง ผู้ใหญ่ที่ไม่เข้าใจและใจแคบมักจะมองว่าเด็กดื้อ 2. คนเราจิตตกได้เป็นครั้งคราว อาจทำอะไรที่ไม่เหมาะสมได้ การรู้ตัวเองและให้อภัยตัวเอง จึงเป็นสิ่งสำคัญ 3. คนอกหักไม่อาจตัดความโศกเศร้าได้ด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียว เวลาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเยียวยาความรู้สึกดังกล่าว 4. ให้เคารพแนวคิดของผู้อื่นบ้าง เสมือนหนึ่งเป็นอีกแนวคิดหนึ่งที่ต่างไปจากเราเท่านั้นเอง 5. ตนเองเสียเมื่อไหร่ที่คิดดี คิดชอบเป็นอยู่คนเดียว 6. ทำไปเพราะไม่รู้ ให้อภัยกันได้ รู้แล้วยังทำ คือ ความดื้อ 7. ก่อนที่จะว่ากล่าวถึงนิสัยไม่ดีของลูกนั้น ให้มองตัวพ่อแม่เองก่อนด้วยว่า เรามีส่วนผลักดันให้เขาเป็นเช่นนั้นด้วยหรือเปล่า 8. ความทุกข์ของมนุษย์ 100% เกิดจากการพยายามฝืนความจริงของธรรมชาติ 9. หากต้องอยู่กับคนที่ไม่เกรงใจกันเลย พูดกับเขาให้น้อยลง เล่นกับเขาให้น้อยลง 10. หากอยากได้อะไร ก็ควรเสียอะไรบ้าง 11. ถ้าเราปล่อยให้โลก เร่งตัวเรา ควบคุมตัวเรา จนเราขาดอิสระภาพ เราก็จะทุกข์ ถ้าเราจะเร่งโลก ควบคุมโลกให้โลกนี้เป็นไปตามความต้องการของเรา เราก็ทุกข์เช่นกัน 12. ความฉลาดอาจหลอกคนได้ ความจริงใจต่างหากที่จะชนะใจคน 13. การให้ความสำคัญกับกฎเกณฑ์มากไป ทำให้เราลืมธรรมชาติ ลืมความเป็นจริงได้ง่าย […]
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเกาะแห่งหนึ่งซึ่งรวบรวมความรู้สึกทั้งหมดอาศัยอยู่ด้วยกัน ความสุข ความเศร้า ความรู้ และอื่นๆ รวมทั้งความรัก วันหนึ่งมีประกาศไปยังความรู้สึกทั้งหมดว่าเกาะกำลังจะจม ดังนั้น ทั้งหมดจึงได้เตรียมเรือเพื่อที่จะหนีออกจากเกาะ ความรักเท่านั้นที่ตัดสินใจอยู่บนเกาะความรักต้องการที่จะอยู่จนกระทั่งวินาทีสุดท้าย เมื่อเกาะเกือบจะจมแล้ว ความรักจึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือ… ความรวยแล่นเรือผ่าน ความรวยตอบว่า “ไม่ได้หรอก. ฉันรับเธอไม่ได้หรอกเพราะเรือฉันน่ะเต็มไปด้วยทองและเงินแล้ว มันไม่มีที่ให้คุณ ” ความรักตัดสินใจจะถามความเห็นแก่ตัวซึ่งผ่านมาเหมือนกันด้วย “ความเห็นแก่ตัวช่วยฉันด้วย ” “ฉันช่วยคุณไม่ได้หรอกความรัก คุณน่ะทั้งเปียกอาจจะทำให้เรือฉันเปียกด้วย ” ความเศร้าได้พายเรือใกล้เข้ามาความรักก็ได้เอ่ยขอความช่วยเหลืออีก “ความเศร้าอนุญาตให้ฉันขึ้นเรือคุณนะ ” “โอ้ความรักฉันกำลังเศร้ามากเลยฉันต้องการอยู่คนเดียวขอโทษนะ ” ความสุขได้ผ่านความรักไปเหมือนกัน แต่เขาไม่ได้ยินแม้เสียงร้องเรียกขอความช่วยเหลือของความรักเพราะมัวแต่กำลังสุข ทันใดนั้น มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา “มานี่ความรักฉันจะรับคุณไปเอง ” เสียงนั้นเป็นของคนแก่คนหนึ่ง ความรักรู้สึกขอบคุณและดีใจเป็นอย่างมาก จนลืมถามชื่อว่าใครคือผู้ใจดีผู้นั้น เมื่อพวกเขามาถึงแผ่นดินที่แห้ง คนแก่ก็จากไปตามทางของเขา ความรักนึกขึ้นมาได้ว่าลืมถามชื่อชายแก่คนนั้น ความรักจึงถามความรู้และคนแก่คนอื่น ๆ …. “ใครเหรอที่เป็นคนช่วยฉัน ” ความรู้ตอบอย่างภาคภูมใจในความรอบรู้ของตนเองว่า ” เวลา ” ความรักถามต่อว่า “แต่ทำไมเวลาถึงช่วยฉันละ ” ความรู้ยิ้มในความรอบรู้ของตัวเองแล้วตอบความรักว่า […]
ถ้าหากคุณออกมาจากงานเลี้ยงที่วุ่นวาย และอยากเดินไปกับเธอ 2 คน คุณตกหลุมรักเธอ พอคุณอยู่กับเธอ.คุณแกล้งทำเป็นไม่สนใจ แต่พอเธอไม่อยู่ คุณก็มองหา… คุณตกหลุมรักเธอ แม้จะมีคนอื่นที่ทำให้คุณหัวเราะอยู่ สายตาคุณก๊มองอยู่ที่เธอ คุณตกหลุมรักเธอ พอดูรูปหมู่ คุณมองหาเธอ(ดูว่าใครอยู่ข้างเธอ ,เธอดูเป็นไง)ก่อนดูรูปตัวเอง …เมือนั้น … คุณตกหลุมรักเธอ คุณต้องเอาหูโทรศัพท์ออก เพราะเรียนหนัก แต่ทำไม่ได้ถ้าหากเธอจะโทรมา คุณตกหลุมรักเธอ ถ้าคุณตื่นเต้นกับemailสั้นๆที่เธอส่งมา มากกว่าemailยาวๆของคนอื่น…ล่ะก็ .คุณตกหลุมรักเธอ ต้องคอยบอกตัวเองว่า “เธอเป็นแค่เพื่อน” แต่ก็รู้ดีว่า ห้ามตัวเองที่จะคิดถึงเธอไม่ได้ คุณตกหลุมรักเธอ และถ้าคุณอ่านข้อความนี้ แล้วมีใครผ่านเข้ามาในความคิด… ………………………………………….. คุณตกหลุมรักเธอจริงๆแล้วแหละ ป.ล. กำลังคิดถึงใครกันอยู่ล่ะ