แด่คนที่ยังไม่มั่นใจในการตัดสินใจบางอย่างในชีวิต
เรื่องเล่าธรรมดา เหรียญในมือ
เคยสงสัยไหม ว่าทำไมเรามักจะไม่ได้รู้จักกับคนที่เราอยากรู้จัก
และคนที่เรารู้จักมักจะไม่มีใครน่าสนใจ หรือไม่ก็ไม่ ใช่สเป๊กเรา…
เคยได้ยินเรื่องอยู่เรื่องหนึ่ง… มีผู้ใหญ่เขาเล่นกับเด็ก
ผู้ใหญ่กำเหรียญอยู่ในมือ แล้วถามเด็กว่าอยากรู้ไหม ในมือของ
ท่านมีอะไร ถ้าอยากรู้ให้เขกพื้น 5 ที เด็กก็เขก
แต่ผู้ใหญ่ก็ยังไม่ยอมบอก แล้วก็ถามอีกว่าอยากรู้จริงๆ ไหม
ถ้าอยากรู้จริงๆ ให้เขกพื้นอีก 10 ที เด็กก็เขกอีกด้วยความอยากรู้
คราวนี้ผู้ใหญ่แบมือให้ดู
เด็กก็ได้พบว่าเป็นแค่เหรียญธรรมดาเหรียญหนึ่งเท่า นั้น
ต่อมาผู้ใหญ่กำมืออีก
แล้วถามอีกเหมือนเดิมว่าอยากรู้ไหมว่ามือท่านมีอะไร
คราวนี้เด็กไม่สนใจ ไม่อยากรู้แล้ว จริงๆ ก็
คือเมื่อเด็กได้รู้แล้วว่าในมือผู้ใหญ่เป็นแค่เหรียญธรรมดาเท่านั้น
ไม่มีอะไรพิเศษเลย เขาก็เลยไม่สนใจอีก…
นี่แหละ คนเราก็เป็นแบบนี้ ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา
ไขว่คว้าเพื่อให้ได้รับรู้ เมื่อเราได้รู้แล้วว่ามันคืออะไร
มันเป็น ยังไง เราก็ไม่สนใจมันอีก ถามว่าเหรียญในมือเปลี่ยนไปไหม
ค่ามันน้อยลงไหม เปล่าเลย ค่าของมันเท่าเดิม ยังคงเป็น
เหรียญๆเดิม ทั้งก่อนและหลังที่เราเห็น
แต่ความรู้สึกของเราต่างหากล่ะที่เปลี่ยนไป
ก็เป็นเพราะความรู้สึกที่เอื้อมไม่ถึง…ไปไม่ถึงนั่นแหละที่ทำให้เราเห็นคุณค่าขอ
งสิ่งที่อยู่ไกล ต่อเมื่อได้สิ่งนั้นมาแล้ว ได้รู้จักแล้ว
เราก็ไม่รู้สึกเป็นพิเศษอีก…
บางคนที่เราแอบประทับใจ หรือแอบปลื้มมานาน
พอได้รู้จักพูดคุยกันแค่ไม่กี่คำก็รู้แล้วว่าคนนี้ไม่ใช่
คิดอะไรไม่ เหมือนกัน มองกันคนละด้าน…บรรดาคนของสังคม
เป็นขวัญใจของคนมากมาย เพราะดูดี มีอารมณ์ขัน ทำให้ใครต่อใครพา
กันปลื้มจนออกนอกหน้า แต่หากได้มานั่งจับเข่าคุยกันแล้ว
ถ้าเขาไม่ได้มีความคิดหรือความเป็นตัวของตัวเองที่โดดเด่น เขาก็
แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ความคิดก็เหมือนคนอื่นๆ
ความรู้สึกประทับใจในตอนแรกก็กลายเป็นเฉยๆไป… ในทางกลับกัน
บางครั้ง กับคนที่เหมือนไม่มีอะไรน่าสนใจ หน้าตาธรรมดา
มีชีวิตอย่างเรียบง่าย แต่แค่ได้คุยกันครั้งเดียว กลับรู้สึกดี
รู้สึกว่า คนนี้มีอะไรไม่ธรรมดา เริ่มรู้สึกว่าน่าสนใจ
และอยากเจอเขาอีกเรื่อยๆ ความดีในตัวต่างหากที่สำคัญ
เมื่อได้เรียนรู้กันและกันแล้ว ความน่ารัก ความมีน้ำใจ
ความเสียสละต่างหากที่จะทำ ให้ไม่รู้จักเบื่อ
สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่ทำให้อีกฝ่ายอยากค้นหา ติดตาม เห็นคุณค่า
และไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไป ไม่ใช่เพียง รูปลักษณ์ภายนอก
ที่เมื่อได้มาแล้วก็เท่านั้น เหมือนเดิม ไม่มีอะไรแปลกใหม่
ไม่มีอะไรให้น่าที่จะรัก น่าที่จะค้นหาอีก…
ในความเป็นจริงแล้ว…คนเราอาจจะได้เจอสิ่งที่อยู่ในมือที่แตกต่างกันออกไป
บางครั้งเราอาจได้พบเพชรแท้ และ
เรียนรู้ค่าซึ่งไม่มีวันสิ้นสุดของมัน
หรืออาจได้เจอเหรียญสลึงที่ไม่มีคุณค่ามากมายให้ค้นหา
หรือเจอเพียงมือที่กำความว่าง เปล่าไว้ภายใน…
แต่ในบางครั้งเราอาจจะพลาด
ไม่รู้จักแม้คุณค่าของเพชรที่เราได้เห็น
หรือเห็นว่าเหรียญสลึงในมือนั้นมีคุณ ค่าเกินกว่าที่มันเป็น…
ในชีวิตหนึ่งของคนเราสามารถปิ๊งคนได้หลายคน ประทับใจใครได้หลายหน
แต่จะมีสักกี่คนที่ใช่ ที่ตรงกับเรา ไม่
มีใครสามารถบอกได้ว่าในชีวิตจะได้พบกับคนที่ “ใช่เลย”
ไหม…บางครั้งเราอาจกำลังแอบปลื้มคนๆหนึ่งที่เราเพิ่งได้รู้จัก
อยากคุยอยากเจอหน้าตลอดเวลา แต่พอเจอปัญหา มีเรื่องอยากเล่า
เรากลับรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนที่เราต้องการ เรากลับเลือกที่จะ
คุยกับคนอีกคนที่เราสนิทมานาน
เพราะความรู้สึกมันบอกเองว่าคนๆนี้แหละถึงจะเป็นคนที่เราสามารถคุยได้ทุกเรื่อง
เข้าใจ เรา เขา…ก็ยังคงเป็นเขาอย่างที่แล้วๆมา ไม่มีอะไรหวือหวา
ทุกอย่างเป็นของมันอย่างนี้มานานจนกลายเป็นเรื่องธรรมดา จน
ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เราต้องการจริงๆ…
แปลก…คนที่ใกล้ชิดกับเราที่สุดมักถูกมองข้ามไปเสมอ…
คุณเคยปล่อยเพชรให้ผ่านไปไหม…หรือเคยคว้าเศษฝุ่นไว้ไหม
เหรียญในมือ (2)… เคยได้ยินไหมที่ผู้ใหญ่มักจะบอกว่าถ้าจะรักใคร
คิดจะแต่งงานกับใคร ถ้าเป็นผู้ชายให้นึกถึงตอนที่ผู้หญิงคนนั้นหน้า
มันอยู่ในครัว นั่งเลี้ยงลูก ไม่ได้แต่งหน้า ไม่น่ามอง
ถ้าเป็นผู้หญิง ให้นึกถึงตอนที่ผู้ชายคนนั้นหัวล้าน อ้วนพุงพลุ้ย
นุ่ง กางเกงขาสั้นอยู่กับบ้าน ไม่หล่อไม่เท่อีกต่อไป เรารับได้ไหม
เรายังจะรักเขาอยู่ไหม…เพราะเมื่อถึงตอนนั้น ความสวยงาม
ภายนอกจะค่อยๆ หมดไป ความรู้สึกเป็นพิเศษกับคนๆ
นี้จะถูกความเคยชินเข้ามาแทนที่
แต่เราจะยังรักเขาอยู่ได้ก็ด้วยความดี ในตัวเขา ความเข้าใจ
ความเอื้ออาทรต่อกัน…
มีคนเคยกล่าวไว้อีกว่าถ้าจะรักใครสักคนให้พยายามใช้สมองในอัตราที่ใกล้ๆ
กับการใช้หัวใจ อย่ารักจนหลง อย่าให้ ความรักทำให้เราตาบอด
ให้มองด้วยสายตาคนภายนอกซึ่งเป็นคนที่ปรารถนาดีต่อเรา
ว่าเขามีความเห็นอย่างไร การปรึกษาผู้
ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนยังคงได้ผลดีอยู่เสมอ…
อย่าหลงคนที่ตอนจีบตอนเพิ่งคบกันเขามาคอยเอาใจ
เพราะไม่มีใครทำอะไรโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน…ถ้าเราไม่รัก ไม่สนใจเขา
ไม่เคยดีกับเขาเลย วันนี้เขาอาจยังอยู่กับเราและดีกับเรา
แต่ถ้าวันหนึ่งเขาเจอคนที่ดีกับเขามากๆ อย่างที่เขาดีกับ
เราในวันนี้ เขาจะยังทนเราอยู่ไหม…
อย่าหลงคนที่วันนี้เขาอดทนกับเราเหลือเกิน
เพราะความอดทนทุกคนมีขีดจำกัด…อย่า
หลงคนที่ดีผิดปกติและทำกับเราอย่างคนพิเศษจนน่าใจหาย
เพราะไม่มีใครทำอย่างนี้ในเราได้ตลอดเวลาไปตลอดชีวิต…แต่
ให้เห็นค่าของคนที่ทำให้เรารู้สึกได้ว่าเขาพยายามและอยากจะทำอะไรให้เรา
อย่างน้อยก็เกือบๆ เท่ากับที่เขาอยากทำให้ตัวเขา
เอง…เพราะคนที่ให้เราได้ขนาดนี้หรือมากกว่านี้ก็คงมีแต่พ่อกับแม่เท่านั้น
ถ้าได้เจอคนแบบนี้ อย่าปล่อยให้ผ่านไป และรู้ไว้ ด้วยว่าน
เราคือคนที่โชคดีที่สุดแล้ว…
ในบางครั้งเมื่อเรารอความรักเรากลับหามันไม่พบ
แต่เมื่อเราไม่ต้องการมันกลับประดังเข้ามาจนตั้งตัวไม่ติด
ดังคำที่ว่า Love is something, That can’t be predicted, It
comes as a surprise, When you least expect it
ไม่มีใครรู้หรอกว่าความรักที่แท้จริงจะมาถึงเมื่อไหร่
เราจะได้เจอคนๆ
นั้นเมื่อไหร่ หรือคนๆ นี้ที่เจอจะใช่คนที่เรารอ ไหม
บางคนอาจได้เจอคนๆนั้นตั้งแต่ยังเด็กเป็นเพื่อนเล่นกันมา
ในขณะที่บางคนกลับใช้เวลารอคอยครึ่งค่อนชีวิตกว่าจะได้ เจอ
บางคนคิดว่าใช่แน่นอนแล้ว แต่สุดท้ายกลับต้องแยกจากกัน
บางคนรู้จักกันมานานไม่ได้คิดอะไรกลับได้ลงเอยกันในที่
สุด…ความรักไม่ใช่เรื่องของการชั่งน้ำหนักว่าใครดีกว่าใคร
แต่เป็นเรื่องของใครเหมาะสำหรับเรามากกว่า ความรักขึ้นอยู่กับ
โอกาส เวลา สถานการณ์
ถ้าคนที่เหมาะสมก้าวเข้ามาในชีวิตเราในเวลาที่เหมาะสม เราพร้อม
เขาพร้อม นั่นก็เป็นโชคของเรา เป็นสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในชีวิต…
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร คนๆนั้นจะต้องยอมเสียสละ
ยอมปรับตัวให้เข้ากับเรา ทำเพื่อเรา ในขณะ เดียวกัน
เราจะต้องเห็นค่าของเขามากพอที่เราจะเสียสละ
และปรับตัวเพื่อเขาเช่นกัน…
คู่ของใครก็สำหรับคนนั้น… ถ้าคนๆนี้ของเราเขาทำเพื่อเราทุกอย่าง
ถึงเราจะไม่สวย ไม่หล่อ ไม่โดดเด่นกว่าใครๆ
เขาก็ยังคงมองเราเพียงคนเดียว ปฏิบัติต่อเราอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
และทำให้เรารู้สึกว่าเรามีค่าสำหรับเขาซะเหลือเกิน…
ถึงตอนนั้นคนรอบข้างเราจะดี จะน่ารัก จะเป็นยังไงไม่สำคัญแล้ว
ไม่ต้องพิจารณาแล้ว… เพราะถ้าเราได้เจอคนที่เหมาะสม ที่
เข้ากับเราได้ คนที่เราแน่ใจว่าเขามีค่าสำหรับเราจริงๆ
เราก็ไม่จำเป็นต้องมองใครอีกแล้วในโลกนี้…
ถ้าหากไม่เจอคนๆนั้น หรือไม่เจอคนที่เห็นค่าของเรา
ก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจ
เพราะเรามีค่า และเราควรจะ
รู้ว่าค่าของตัวเองมีมากเพียงใด…”เพชร”
ไม่ว่าจะมีคนพบหรือไม่ก็ยังเป็นเพชร ธาตุแท้ของเพชรไม่เคยเปลี่ยน
“เรา” ไม่ว่าจะ ได้เจอคนๆ นั้นหรือไม่ เราควรจะรู้ค่าของตนเอง
เห็นค่าของตนเอง
และรู้ด้วยว่าคุณค่าของเราไม่เคยเปลี่ยนไปเช่นกัน…
เหมือนเหรียญในมือ ไม่ว่าเราจะอยากดูหรือไม่
ผู้ใหญ่จะแบมือให้ดูหรือไม่ เหรียญก็ยังคงเป็นเหรียญๆ เดิม
และค่าของมันก็ ไม่เคยเปลี่ยนไปจากเดิมเลย
ขอบคุณแหล่งบทความจาก เว็บสตอรี่ทูยูดอทคอม