สายลมอ่อนๆพัดปอยผมสีขาวของคุณยายผู้นั่งอยู่บนเก้าอี้โยกหวายโบราณ แว่นสายตาของเธอร่นมาอยู่ตรงปลายจมูก ขณะที่กำลังขะมักเขม้นอยู่กับงานเย็บปักถักร้อย ข้างตัวเธอมีหลานสาววัยรุ่นผู้หนึ่งนั่งอยู่ด้วย เธอประดุจดอกไม้ที่เพิ่งจะแรกแย้ม ทันใดนั้นเธอก็โพล่งออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยว่า

”คุยยายคะ ทำไมเราจึงหา’รักแท้’ ได้ยากเย็นนักคะ”

หญิงชราผู้มีดวงหน้าอารีผู้นี้เงยหน้าขึ้นมาจากงานเย็บปัก ลูบศีรษะหลานสาวอย่างรักใคร่

สักครู่หนึ่งเด็กสาวกระเถิบเข้าไปใกล้พร้อมกับนอนหนุนตักคุณยาย

”ฟังนะ ยายจะเล่าอะไรให้หนูฟัง… เมื่อหลายศตวรรษก่อน ขณะที่โลกเรายังอ่อนวัยกว่านี้ รักแท้ปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่ง มนุษย์สามารถเป็นเจ้าของมันได้ด้วยการเรียกหา จึงมองไม่เห็นคุณค่าของรักแท้ เมื่อเป็นดังนี้พระผู้เป็นเจ้าจึงตัดสินใจที่จะเก็บรักแท้เอาไว้”

คุณยายหันมาส่งยิ้มและลูบผมนุ่มๆของหลานสาวอย่างอ่อนโยน แล้วกล่าวต่อไปว่า…

”พระผู้เป็นเจ้าขอให้นางฟ้าสองตนช่วยเก็บรักษารักแท้ แรกทีเดียวนางฟ้าได้ฝังรักแท้ไว้ในดิน แต่มนุษย์ก็ขุดมันออกมาได้อย่างง่ายดาย ต่อมาพวกเธอจึงนำรักแท้ไปเก็บไว้บนภูเขาที่สูงที่สุด แต่ผู้คนก็พากันปีนป่ายไปจนถึงยอดเขานั้น… นางฟ้าจึงนำไปไว้ได้ท้องทะเลลึก แต่มนุษย์ก็ยังดำดิ่งสู่ก้นทะเลแล้วนำรักแท้กลับคืนมาอีกจนได้”

”คุณยายคะ… รักแท้ก็ยังหากันได้ง่ายๆอยู่ดีนี่คะ” หลานสาววิพากษ์

“…เพราะมนุษย์ก็จะขุด ปีน และว่ายน้ำ…”

”ในที่สุดนางฟ้าจึงตกลงใจที่จะเก็บรักแท้ไว้ในหัวใจมนุษย์… นับจากนั้นผู้คนต่างก็มีปัญหาในการติดตามหารักแท้… เพราะว่าพวกเขาจะพากันมองหามันในทุกหนทุกแห่ง ยกเว้นที่เดียว… ที่ซึ่งควรจะเก็บมันไว้ นั่นคือ …ตรงหัวใจ”

คุณยายกล่าวในที่สุด