คนรวยเป็นผู้รับที่ยอดเยี่ยม
คนจนเป็นผู้รับที่ยอดแย่
จากเมล์ที่ได้รับ
——————————————————————————–
ถ้าจะให้ผมฟันธงถึงสาเหตุอันดับหนึ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่สามารถบรรลุศักยภาพสูงสุดทางการเงินของตัวเองได้ ผมก็จะขอบอกว่า คนส่วนใหญ่เป็น “ผู้รับ” ที่แย่ เขาอาจเป็นผู้ให้ที่ดีหรือไม่ดีก็ได้ แต่ที่แน่ๆคือ พวกเขาเป็นผู้รับที่แย่ และเพราะพวกเขารับได้แย่ พวกเขาจึงเลือกที่จะไม่รับ!
คนเรามีปัญหากับการเป็นผู้รับด้วยเหตุผลหลายประการ ประการแรกเลยคือ หลายคนรู้สึกว่าตนเองด้อยค่าหรือไม่คู่ควร อาการของโรคนี้แพร่ระบาดอย่างกว้างขวางในสังคมของเรา
ผมขอเดาว่ากว่า 90% ของประชากรโลกต่างมีความรู้สึกที่ว่าตัวเองไม่ดีพอวิ่งพล่านอยู่ในกระแสเลือด
แต่สิ่งสำคัญคือ คุณต้องตระหนักไว้ว่า ความรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการสร้างฐานะและจากมุมมองทางการเงิน มันอาจเป็นแรงกระตุ้นอย่างดีเสียด้วยซ้ำ
ความรู้สึกว่าตัวเองมีค่าหรือไม่ ล้วนเป็น “เรื่องราว” ที่เราสร้างขึ้นเอง ก็อย่างที่บอกไปแล้ว ไม่มีสิ่งใดมีความหมายหรอก นอกจากความหมายที่เรามอบให้มันเอง
ไม่มีใครเดินเข้ามาประทับตรา “มีค่า” หรือ “ไร้ค่า” บนตัวคุณได้หรอก คุณเองนั่นแหละที่เป็นคนทำ คุณสร้างมันขึ้นมาเอง คุณเป็นคนตัดสินเอง คุณคนเดียวเท่านั้นที่เป็นผู้กำหนดว่าคุณจะมีค่าหรือไม่ มันเป็นมุมมองของคุณ
ถ้าอย่างนั้น ทำไมคนเราถึงทำกับตัวเองอย่างนี้? ทำไมคนเราต้องสร้างเรื่องขึ้นมาว่าตัวเองไร้ค่า? มันเป็นธรรมชาติของจิตใจมนุษย์ ซึ่งมีระบบป้องกันตัวเองที่จ้องแต่จะหาสิ่งผิดปกติ คุณสังเกตุไหมว่าพวกกระรอกไม่ต้องกังวลกับเรื่องเหล่านี้เลย? คุณพอจะนึกภาพกระรอกบอกกับตัวเองว่า “ฉันจะไม่สะสมลูกนัทเตรียมไว้สำหรับหน้าหนาวในปีนี้ให้มากนักเพราะฉันมันไร้ค่า” ได้ไหม คงเป็นไปได้ยากหน่อย
เพราะสัตว์ที่มีระดับสติปัญญาต่ำไม่เคยทำเรื่องแบบนั้นกับตัวเอง มีแต่สัตว์โลกที่มีวิวัฒนาการล้ำหน้าอย่างมนุษย์เท่านั้นแหละที่สามารถตั้งข้อจำกัดให้กับตนเองได้
หนึ่งในคติพจน์ของผมคือ “ถ้าต้นโอ๊กสูงร้อยฟุตมีความคิดและจิตใจเหมือนมนุษย์ มันก็คงจะสูงได้เพียงสิบฟุต!”
คำแนะนำของผมก็คือ เนื่องจากการแต่งเรื่องของคุณขึ้นมาใหม่นั้นง่ายกว่าการเปลี่ยนแปลงความรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า จงเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนเรื่องราวของคุณแทน มันได้ผลรวดเร็วและแน่นอนกว่ากันมาก ลองสร้างเรื่องราวใหม่ๆ ที่ส่งเสริมตัวคุณเองและดำเนินชีวิตไปตามนั้น
โลกนี้มีเงินอยู่มากมาย นับล้านล้านดอลลาร์ มันมีอยู่ล้นเหลือและต้องไหลไปที่ไหนสักแห่ง และเมื่อมีคนไม่เต็มใจรับส่วนแบ่งของเขาหรือเธอ เงินส่วนนั้นก็ต้องตกไปเป็นของคนที่เต็มใจจะรับ
ผมจะสอนบทสวดภาวนาพิเศษที่ผมคิดขึ้น มันอาจดูเหมือนเรื่องเล่นๆ ก็จริง แต่บทเรียนที่ได้รับนั้นสำคัญยิ่ง บทสวดมีดังนี้
“ข้าแต่สวรรค์เบื้องบน…หากใครมีโอกาสได้รับบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่พวกเขาไม่เต็มใจที่จะรับ โปรดส่งมันมาให้ฉันแทนด้วยเถอะ! ฉันเปิดกว้างและยินดีรับพรทุกประการจากท่าน ขอบคุณ”
ถ้าคุณมีวิธีหาเงินให้ได้มากๆ ก็จงมีเงินให้มากๆ เข้าไว้ สร้างฐานะให้ร่ำรวยแล้วช่วยเหลือคนที่ไม่มีโอกาสเหมือนอย่างคุณ ซึ่งนั่นฟังดูมีเหตุผลมากกว่าการเป็นคนถังแตกและไม่สามารถช่วยเหลือใครได้เลย
เมื่อคุณเปิดกว้างต่อการรับอย่างแท้จริง ชีวิตในด้านอื่นๆ ของคุณก็จะเปิดกว้างไปด้วยโดยปริยาย หลักการอีกข้อที่ผมใช่บ่อยๆก็คือ “วิธีที่คุณจัดการกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง คือวิธีที่คุณจัดการกับทุกๆ เรื่อง”
เมื่อคุณกลายเป็นผู้รับเงินที่ยอดเยี่ยม คุณก็จะเป็นผู้รับที่ดีในทุกด้าน…และเปิดรับทุกอย่างที่สวรรค์ประทานมาให้ในทุกๆ ด้านของชีวิต
สิ่งเดียวที่คุณต้องจำไว้ก็คือ การกล่าวคำว่า “ขอบคุณ” ทุกครั้งที่คุณได้รับพรอันประเสริฐทั้งหลาย