คนรวยให้เงินทำงานหนักเพื่อตัวเอง
คนจนทำงานหนักเพื่อให้ได้เงิน

จากเมล์ที่ได้รับ

——————————————————————————–
ถ้าคุณเป็นเหมือนคนส่วนใหญ่ คุณคงเติบโตขึ้นมาโดยถูกสั่งสอนให้ “ต้องทำงานหนักเพื่อหาเงิน” ในทางตรงกันข้าม เป็นไปได้มากทีเดียวว่าคุณคงไม่เคยถูกสอนว่า “การใช้เงินทำงานหนัก” ให้คุณก็สำคัญไม่แพ้กัน

ควรรวยมีเวลาเล่นสนุกสนานและพักผ่อนเพราะพวกเขาทำงานอย่างชาญฉลาด พวกเขาเข้าใจและนำหลักการเพิ่มค่าของเงินมาใช้ให้เกิดประโยชน์ พวกเขาจ้างคนมาทำงานและยังใช้เงินของตนทำงานแทนด้วย

คนรวยเข้าใจว่า “คุณ” ต้องทำงานหนัก จนกระทั่ง “เงิน” ของคุณสามารถทำงานหนักให้คุณได้ และตัวคุณเองก็ไม่จำเป็นต้องทำงานอีกต่อไป พวกเขาเข้าใจว่า ยิ่งเงินของคุณทำงานหนักเท่าไหร่ ตัวคุณจำเป็นต้องทำงานน้อยลงเท่านั้น

ขอย้ำอีกครั้งว่า ก่อนอื่นคุณต้องทำงานหนักเพื่อหาเงิน แล้วจึงให้เงินทำงานหนักเพื่อตัวคุณเองบ้าง

ในการสัมมนาของผม เกมการเงินของเรามีเป้าหมายเพื่อให้ “ไม่ต้องทำงานอีกเลย…นอกเสียจากคุณเลือกที่จะทำ” และถ้าคุณต้องทำงาน คุณก็จะทำงาน “ด้วยใจรัก ไม่ใช่เพราะความจำเป็น”

อิสรภาพทางการเงินในนิยามของผมคือ ความสามารถที่จะดำเนินชีวิตในรูปแบบที่คุณต้องการโดยไม่จำเป็นต้องทำงานหรือพึ่งพาคนอื่นในเรื่องเงิน คุณจะมีอิสรภาพทางการเงินเมื่อรายได้งอกเงยของคุณมีจำนวนมากกว่ารายจ่าย

แหล่งที่มาของรายได้งอกเงยอย่างแรกคือ “เงินสร้างเงิน” ซึ่งได้แก่ รายได้จากการลงทุน เช่น หุ้น พันธบัตร ตั๋วเงินคงคลัง ตลาดเงิน กองทุนรวม รวมไปถึงทรัพย์สินอื่นๆ ที่ถือว่ามีค่าและแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้

แหล่งรายได้งอกเงยอีกอย่างคือ “ธุรกิจสร้างเงิน” หรือธุรกิจซึ่งนำมาซึ่งรายได้ต่อเนื่องโดยคุณไม่จำเป็นต้องเข้าไปเกี่ยวข้องเพื่อให้ธุรกิจนั้นสามารถดำเนินการหรือสร้างรายได้ ตัวอย่างเช่น การให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ค่าลิขสิทธิ์หนังสือ ดนตรี หรือซอฟท์แวร์ การขายแฟรนไชส์ การให้เช่าโกดังเก็บสินค้า การทำธุรกิจแบบเครือข่าย การลงทุนกับเครื่องขายของหรือหยอดเหรียญต่างๆ ฯลฯ หลักการคร่าวๆคือ การให้ธุรกิจทำงานแทนคุณและสร้างรายได้ด้วยตัวของมันเอง

ผมไม่ได้กล่าวถึงความสำคัญของการสร้างรายได้งอกเงยมากเกินความเป็นจริงหรอก เพราะถ้าคุณไม่มีรายได้งอกเงย คุณย่อมไม่มีทางเป็นอิสระทางการเงินอย่างแน่นอน

แต่คุณรู้ไหม่ว่าคนส่วนใหญ่มีปัญหากับการสร้างรายได้งอกเงยมาก เหตุผลมีสามประการ ข้อแรกคือการถูกปลูกฝังตั้งแต่ในวัยเด็ก พวกเราส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกโปรแกรมมาไม่ให้สร้างรายได้งอกเงย ข้อสอง ไม่มีใครเคยสอนเราว่าจะสร้างรายได้งอกเงยได้อย่างไร ข้อสุดท้าย ในเมื่อเราไม่เคยถูกสอนเรื่องการสร้างรายได้งอกเงยเลย เราจึงไม่ให้ความสนใจกับมัน เรามีรายได้จากการประกอบอาชีพและทำธุรกิจเป็นหลัก แต่ถ้าคุณเข้าใจตั้งแต่ในวัยเด็กว่าจุดมุ่งหมายหลักทางการเงินของเรา คือการสร้างรายได้งอกเงย คุณอาจคิดทบทวนก่อนตัดสินใจเลือกอาชีพก็เป็นได้

คุณมีสองวิธีให้เลือกในการสร้างความร่ำรวย นั่นคือ คุณต้องมีรายได้มากขึ้น หรือใช้เงินน้อยลง คุณมีอำนาจในการตัดสินใจเลือก อะไรที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณ? คนจนมักเลือกความสุขชั่วครู่ชั่วยาม ขณะที่คนรวยเลือกความสมดุล

บ่อยครั้งที่ “การใช้เงิน” ทั้งๆที่ “ไม่มี” เป็นเพียง “การระบาย” อารมณ์ที่คุณมีอาการนี้เป็นที่รู้จักกันทั่วไป่วา การบำบัดด้วยการซื้อ

จงซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่คุณสามารถซื้อได้ในตอนนี้ ถ้าคุณต้องการเงินทุนมากกว่าที่มี คุณอาจร่วมหุ้นกับคนที่คุณเชื่อใจและรู้จักดีก็ได้ ทางเดียวที่คุณจะมีปัญหาจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ก็คือ การจ่ายเกินกำลังหรือจำเป็นต้องขายตอนราคาตก อย่างที่เขาพูดกันนั่นแหละว่า “อย่ารอเวลาที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ ซื้อไว้ก่อนแล้วค่อยรอทีหลังจะดีกว่า”

เคล็ดลับคือการศึกษาค้นคว้า การเรียนรู้เรื่องการลงทุน หัดทำความคุ้นเคยกับวิธีลงทุนและเครื่องมือทางการเงินต่างๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ หุ้น กองทุน พันธบัตร การแลกเปลี่ยนเงินตรา ฯลฯ จากนั้นฝึกปรือความสามารถด้านใดด้านหนึ่งให้เชี่ยวชาญเป็นพิเศษ เริ่มต้นลงทุนในด้านนั้นแล้วค่อยหัดลงทุนในด้านอื่นๆ ต่อไป

สรุปได้ว่า คนจนทำงานหนักและใช้เงินทั้งหมดที่หามาได้ พวกเขาจึงต้องทำงานหนักตลอดไป ส่วนคนรวยทำงานหนัก สะสมเงิน และนำไปลงทุน พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องทำงานหนักอีก